รีวิว เลเบีย ผ่าตัดตกแต่งแคม แบบเจาะลึก ลึกมากกก(รีวิว โดยคนไข้ที่ผ่านการทำเลเบีย )
pAvOOnsEn Surgery represents beauty agency.
รีวิว เรื่องการทำเลเบียนี้ เป็นของคนไข้ที่ผ่านการทำเลเบีย ( ผ่าตัดตกแต่งแคม )เองเลยนะค๊ะ มีทั้งสาระ และความสนุกสนานจากภาษาการเขียนของคนไข้เองที่ลื่นไหลเข้าใจง่าย ป้าวุ้นเส้นอ่านแล้วชอบมากค่ะ และหวังว่าคนอ่านก็จะรู้สึกเช่นเดียวกับป้าวุ้นเส้นนะค๊ะ เชิญพบกับเธอเลยค่ะ
ปรึกษามาดามวุ้นเส้น จองคิวศัลยกรรม
Line ID :@pavoonsen (มี@นะคะ)
Tel: 09004209999
เวลาทำการ 11.00-20.00 น.
ทักทาย
สวัสดีค่ะพ่อแม่พี่น้องทุกท่าน โอ้ย เขินจัง -_-;; ออกตัวก่อนว่าไม่มีรูป before-after ให้ดูนะคะ เพราะแค่เห็นของตัวเองก็สยองพอแล้ว ไม่อยากให้คนอื่นสยองตามไปด้วย แต่เราอยากให้คนที่หาข้อมูลด้านนี้มีข้อมูลเลเบีย จากผู้มีประสบการณ์(โดยตรง)ค่ะ 555+
ณ จุด ๆ นี้ขอแทนตัวเองว่าสมหญิงแล้วกันนะคะ -_-;;
เหตุผลที่อยากแชร์ประสบการณ์ทำเลเบียของสมหญิงก็ไม่มีอะไรมากหรอกนะคะ เพราะว่าก่อนหน้าที่จะไปทำเลเบียเนี่ย สมหญิงก็หาข้อมูลแทบตายค่ะ หายากเหลือเกินเพราะไมค่อยมีคนมาแชร์ประสบการณ์เลย
ก็เลยเอาวะ ส่งเมลล์หาป้าวุ้นเส้นว่า “ป้าคะ จำหนูได้มั้ย พอดีหนูไปทำเลเบียมาแล้วอยากแชร์ประสบการณ์ค่ะ ไปทำมาแล้วก็ไม่อยากให้เสียเปล่า เผื่อว่าจะได้บุญ ชาติหน้าถ้าได้เกิดมาเป็นคนอีกหวังว่าเทวดานางฟ้าจะเห็นใจหนูจะได้ไม่ต้องไปทำเลเบียอีกแล้ว 555+”
ซึ่งคำตอบของป้าวุ้นเส้นก็คือ “เอาเลยจ้าาาาา ด้วยความยินดี เขียนมาเล้ยยย”
ในใจของสมหญิงตอนอ่านเมลล์ป้าวุ้นเส้น = ยิบปี้! ฮี่ ๆๆๆ เสร็จตรู
ด้วยความใจดีของป้าวุ้นเส้นที่อนุญาตให้สมหญิงเขียนเรื่องเลเบีย ลงเว็บของป้าได้จึงทำให้มีข้อมูลการทำเลเบียหน้านี้ขึ้นมาค่ะ ปรบมือให้ป้าวุ้นเส้นหน่อย… เย้ ๆๆ
ทำไมถึงอยากทำเลเบีย ?
ง่าย ๆ เลยค่ะ จริง ๆ แล้วน้องแคมเล็ก เลเบีย ของสมหญิงเนี่ย ตอนแรกมันก็ปกติเหมือนคนอื่นทั่วไปแหละ (ใช้ศัพท์แบบตรง ๆ) ไม่ย้อย ไม่ห้อย งดงาม น่ารัก (ว่ากันไป)
จนกระทั่งสมหญิงขึ้นชั้น ม.ต้น อยู่ดี ๆ เลเบีย มันก็ย้อยออกมา T_T ตอนแรกก็ไม่รู้หรอกค่ะว่ามันอะไรยังไง ตอนนั้นเด็กมากกกก นึกน้อยใจว่าทำไมจิ๊มิ๊ของเราหน้าตาประหลาด ทำไมมันถึงได้ย้อยออกมาได้ฟระ
จนกระทั่งวันหนึ่งสมหญิงอ่านหนังสือเกี่ยวกับการศัลยกรรมของหม่อมแม่ (น่าจะเป็นของโรงพยาบาลยันฮีเนี่ยแหละค่ะ) ทำให้ความจริงกระจ่างว่าจริง ๆ แล้วของเราไม่ได้ประหลาดหรอก เลเบีย ของคนอื่นก็เป็นกันเยอะแยะะะะย่ะ
แต่สมหญิงไม่เคยคิดจะไปทำอะไรกับมันนะคะ ไม่กล้าค่ะ ตอนนั้นยังเด็กอยู่เลย กลัว T_T
ม.ปลาย เราก็เป็นสาวแล้วล่ะ ในห้องก็จะมีกลุ่มเพื่อนที่ค่อนข้างจะแรง ๆ หน่อยก็ไปได้ยินมันคุยกัน ว่ามีเพื่อนคนนึง เลเบีย ของมันก็ย้อย มันสัญนิฐานกับตัวเองและเพื่อนว่าสงสัยเป็นเพราะตอนเด็ก ๆ มันชอบไปดึงเล่น (ขอด่าหน่อย อีโรคจิต 555+)
สมหญิงเลยแนะนำไปว่าเฮ้ย เราเคยอ่านเจอ ว่ามันมีผ่าตัดเลเบีย ศัลยกรรมน้องจิ๊มิ๊ด้วยนะ มันก็แบบ จริงเหรอ แล้วก็คุยกับเพื่อนแบบขำขำว่าเฮ้ย แม่ง มีผ่าจิ๋มด้วยว่ะ อะไรก็ว่าไป ตอนนั้นสมหญิงคิดในใจ เออออ กรูอุตส่าห์บอกดันมาติดตลกซะงั้น ฮ่วย!
ตอนแรกสมหญิงก็ไม่เข้าใจนะ ว่าทำไม เลเบีย ของ ๆ เราถึงได้เป็นแบบนี้ เพราะหลังจากสกิลการเล่นเน็ตเริ่มแกร่งกล้า ท่องเว็ปเป็นแล้วไปเห็นของหลาย ๆ คน (หมายถึงนางเอกหนังโป๊น่ะ) เริ่มจิตตก
ทำไมจิ๊มิ๊ของนางเอกหนังโป๊ เลเบีย เค้าสวยกว่าของเราอีกวะ TOT ขนาดว่าเค้าถ่ายหนังโป๊แปลว่าก่อนหน้านี้เค้าก็น่าจะผ่านศึกมาบ้างแล้ว ส่วนตัวเราที่เป็นสาวเวอร์จิ้นแท้ ๆ ดันแลดูเหมือนผ่านมาร้อยศึกเลย กรรม (แต่มารู้ตอนหลังว่าจริง ๆ แล้วจิ๊มิ๊นางเอกหนังโป๊ส่วนใหญ่น่ะเค้าแสกนกันมาแล้วววว)
แถมค่ะแถม ที่สำคัญที่สุด!!!
คนหลายคน ยังเข้าใจผิด คิดว่า คนที่แคมเล็ก เลเบีย ย้อยเนี่ย แปลว่าต้องเคยคลอดลูก ผ่านศึกมาเยอะ เพราะเลเบีย พอมันห้อยออกมา สีมันก็คล้ำ ๆ น่าเกลียด อะไรเงี๊ยะอ่ะ สมหญิงเคยอ่านเจอในกระทู้พันทิปทำนองว่ามีคนสงสัยว่าทำไมผู้หญิงบางคนถึงห้อย
คำตอบก็แนว ๆ ว่าผ่านศึกมาเยอะ เคยมีลูก น้อยคนที่จะรู้ว่ามันแล้วแต่คนต่างหาก แล้วบางคนก็เรียกซะแหม… ปีกผีเสื้อบ้าง ปีกค้างคาวบ้าง หอยแครงบ้าง ตอนนั้นนะ ใจสมหญิงนี่อยากเม้นท์ตอบกระทู้มาก
ไม่รู้จริงแล้วอย่ามั่วดิ ไม่เคยอึ๊บกะใคร เลเบียก็ห้อยได้โว้ยยยยย (แต่ไม่กล้าออกตัวเพราะกลัวเค้ารู้ว่าของเราห้อย T_T แล้วก็ขี้เกียจสมัครบัตรผ่านด้วย เลยช่างแมร่ง)
ไหน ๆ ณ พื้นที่ตรงนี้ก็ไม่มีใครรู้ว่าสมหญิงเป็นใคร
ขอประกาศชัด ๆ อีกครั้ง
ไม่เคยจุ๊กจิ๊กกะใคร เลเบียก็ห้อยได้เน้อ!!! T___T
เฮ้อ…โล่ง…
เหมือนจะภูมิใจ? เปล่า ไม่ใช่ แค่คิดว่ามันไม่แฟร์อ่ะสำหรับผู้หญิงที่มีปัญหาเรื่องแคมเล็ก เลเบีย แค่นั้นจริง ๆ เพราะเท่าที่สมหญิงหาข้อมูลมา บางคนไม่เคยมีเซ็กซ์ก็ห้อยได้
บางคนตอนเด็ก ๆ ไม่ห้อยแต่พอเริ่มแก่เลเบีย ก็ห้อยได้ บางคนท้องแล้วพอมีน้องเลเบีย ก็ห้อยได้ แล้วคนทุกคนนะถ้าเลือกได้คงไม่อยากให้ เลเบีย มันห้อยหรอก จริง ๆ นะ
เหตุผลหลักที่สมหญิงสนใจเรื่องการทำเลเบีย ง่าย ๆ เลย เพราะรำคาญน่ะค่ะ แบบว่าใส่กางเกงฟิต ๆ หน่อยก็เจ็บ ๆ นั่งขับรถก็เจ็บ หงุดหงิดมั่กกกก แล้วบางทีเวลาโรคจิตอยากส่องกระจกมองน้องจิ๊มิ๊ของตัวเอง น้องย้อยก็จะมายิ้มหวานเยิ้มย้อยให้เห็น ไม่ชอบเลย ไม่สวย T_T ไม่ต้องมายิ้มให้ หน้าตาแกไม่น่ารัก ไม่อาวววว
วันนึงไปติ๊ดชึ่งมา อารมณ์ว่าเพื่อนมันก็เมา ๆ ก็เลยปรึกษามัน ว่าจะทำเลเบียดีมั้ย มันก็ตกใจนะ บอกว่าเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเวอร์จิ้นก็ห้อยได้ เพราะของมันไม่เป็น สมหญิงก็แบบ เออ รู้ไว้ซะ
แล้วเพื่อนสมหญิงก็บอกว่า “เจ็บครั้งเดียวแล้วสบายตัว แกจะทำไหมล่ะ เราว่าทำเลเบียไปเหอะ จะได้ไม่ต้องไปหงุดหงิดกับมัน เอาที่สบายตัวที่สุดอ่ะแก”
หาข้อมูล
คำพูดของเพื่อนนี่เป็นแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่เลยนะ พอได้ยินมันพูดแบบนั้น สมหญิงก็เลยเอาวะ ตัดสินใจแล้ว ทำก็ทำ ใกล้ปิดเทอมแล้วด้วย เนี่ยแหละจะได้ไม่ต้องออกไปไหน อยู่บ้านเลยยาว ๆ ชิลล์ ๆ
หลังจากนั้นสมหญิงก็เริ่มหาข้อมูล พยายามหาภาพ before กับ after ก่อนทำ เว็ปไทยมีน้อยก็หาข้อมูลจากเว็ปต่างประเทศ search google หาคำว่าlabiaplasty ซึ่งก็จะมีภาพขึ้นมาให้เราดูเยอะแยะเลย อย่างนึงที่ทำให้เราใจชื้นขึ้นมาหลังจากหาข้อมูลก็คือ จิ๊มิ๊หลาย ๆ จิ๊มิ๊ที่เราเห็นในเว็ปเค้าน่าเกลียดกว่าของเราอีก //ฮ่าฮ่าฮ่า
แล้วสมหญิงก็ได้มาเจอกับเว็ปของป้าวุ้นเส้นที่มีข้อมูลเกี่ยวกับการทำศัลยกรรมด้านนี้ เปิดหน้าเว็ปมาสมหญิงก็สุดแสนจะเสียใจที่ไม่เจออะไรเลย แต่ไม่เป็นไรค่ะ (เพราะสมหญิงมาแชร์ประสบการณ์ให้เพื่อน ๆ แล้วนี่ไงคะ ฮี่ ๆๆ)
สำหรับเรื่องการตัดสินใจว่าจะทำเลเบียที่ไหนดี ตอนนั้นก็สมหญิงก็คิดแล้วล่ะ เพราะเท่าที่หาข้อมูลก็มีของคุณหมอผู้ชายที่สุขุมวิท 22 กับโรงพยาบาลยันฮีที่เห็นคนไปทำเยอะ แล้วเว็ปเมืองไทยก็ไม่เหมือนเมืองนอกที่หมอแต่ละคนจะมี portfloio ให้ดูเลยว่าฝีมือหมอเป็นยังไง มีรูปจิ๊มิ๊แบบ before-after ยิ้มให้ดูอย่างน่ารักน่าชัง -_-;;)
ส่วนเหตุผลที่สมหญิงเลือกโรงพยาบาลยันฮีนั้นเป็นเพราะโรงพยาบาลยันฮีไม่ไกลจากแหล่งสิงสถิตย์ของเราเท่าไหร่ แถมที่เคยอ่านเจอในเว็ปก็มีหมอผู้หญิงด้วย สมหญิงก็เลยเอาวะ ลองถามป้าวุ้นเส้นดูแล้วกัน
หลังจากสมหญิงส่งเมลล์ไปถาม แอบขำป้าวุ้นเส้นค่ะ เพราะตอนสมหญิงถามถึงรายละเอียด ว่าเคยแนะนำคนไปทำ เลเบีย มั้ย แล้วดีมั้ย
ป้าวุ้นเส้นก็บอกว่า”เท่าที่ส่งไปทำเลเบีย มาหลายคนก็บอกว่าดีนะคะ ซึงป้าก็ไม่รู้ว่าดียังไง ไม่กล้าขอดู เหอ เหอ” ฮาค่ะ
อ้อ…และหลังจากนั้นป้าวุ้นเส้นก็ได้ประสานงานจัดหาแพทย์ที่เชี่ยวชาญเลเบีย ให้สมหญิงค่ะ ^_^
ขึ้นขาหยั่งครั้งแรก
ขอบอกเลยนะว่าใครจะไปทำเเลเบีย นี่ยยย ให้ป้าวุ้นเส้นนัดล่วงหน้าให้เป็นดีค่ะ เพราะแผนกสูตินารีเวช รอคิวนานมากกกกก เพิ่งเคยเห็นคนท้องเยอะมากขนาดนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต -_-;; ขนาดไปวันธรรมดานะ T_T รอเป็นชั่วโมงง่ะ
สมหญิงไปกับแม่ค่ะ ตอนบอกแม่ว่าจะไปทำเลเบีย แม่ก็ตกใจนะคะ ทำนองว่าทำไมของลูกฉันถึงได้ย้อยได้ทั้ง ๆ ที่ตอนแกเด็ก ๆ ฉันเคยสำรวจแล้วมันไม่เห็นจะย้อย อยากบอกว่าหนูก็ไม่รู้อ่ะแม่ หนูก็ไม่อยากจะให้มันย้อยหรอก แต่ตอนนี้มันย้อยไปแล้ว T_T
วันแรกที่เจอคุณหมอ คุณหมอสวยค่ะ เหมือนจะดุ แต่ไม่ดุ ออกจะใจดีด้วยซ้ำ ดูเฮ้ว ๆ ดี สมหญิงก็ถามคุณหมอนะคะว่าคนมาทำเยอะมั้ย
คุณหมอก็บอกว่า เรื่องปกติมากกกก โดยเฉพาะช่วง 5 ปีหลังเนี่ย คนมาทำเลเบียเยอะ ทั้งคนไทย คนต่างชาติ เพราะที่ต่างประเทศเค้าถือว่าการทำเลเบียเป็นการศัลยกรรมตกแต่งอย่างหนึ่งค่ะ -_-;; แถมทำที่ต่างประเทศก็แพงง่ะ เป็นแสนก็มี เราก็อ๋ออออ… มันเป็นงี้นี่เองงงง แฮ่
คุณหมออธิบายการทำเลเบียให้ด้วยค่ะ บอกว่าไม่ต้องกลัวเรื่องรอยแผลเป็น เพราะคุณหมอจะซ่อนไว้ด้านข้าง และไหมที่ใช้ก็เป็นไหมละลาย ^_^
ทีนี้หลังจากคุยกับคุณหมอเรียบร้อยแล้วก็ถึงเวลาขึ้นขาหยั่งค่ะ อยากบอกว่าแอบกลัว และเขิน เกิดมาไม่เคยขึ้นขาหยั่งมาก่อนเลยในชีวิต T_T คุณหมอก็ให้เราไปจัดการเปลี่ยนผ้าถุงที่ทางโรงพยาบาลมีให้ซะ แล้วก็นั่นล่ะค่ะ …
ตอนแรกก็เกร็ง ๆ เกิดมาเป็นครั้งแรกที่ต้องนอนแอ้งแม้งให้ใครก็ไม่รู้ดูนี่คะ ตั้งแต่โตเป็นสาวมาแม่เรายังไม่เคยโชว์ให้เห็นเลยนะ T_T หลังจากที่เปิดโอกาสให้น้องจิ๊มิ๊ยิ้มหวานให้คุณหมอแล้ว คุณหมอก็บอกสมหญิงว่าของสมหญิงเนื้อเยอะน้า ต้องตกแต่งเนื้อตรงคลิตอริสด้วย สมหญิงก็ค่า ค่า ค่า ซึ่งค่าใช้จ่ายการทำเลเบียเฉย ๆ เนี่ยอยู่ที่ 20,000 บาท แต่ถ้าต้องตกแต่งเนื้อตรงคลิตอริสด้วยราคาเพิ่มอีกนะคะ
***ป้าวุ้นเส้นขอเสริม ราคาการทำเลเบีย หรือการทำรีแพร์ ขึ้นอยู่กับปัญหาของคนไข้ และเทคนิตการทำที่จะแก้ปัญหาด้วยค่ะ ถ้ามีบุตรแล้ว อาจต้องทำอย่างอื่นด้วยเพื่อเสริมความงามให้จิมิ๊สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นจะมีค่าใช้จ่ายถึง 50,000 บาทและนอน รพ นานถึง 4 วัน ดังนั้นตรงนี้คุณหมอต้องตรวจและเป็นผู้ประเมินค่ะ ไม่ต้องส่งรูปมาให้ป้าวุ้นเส้นประเมินนะจ๊ะ เหอ เหอ แต่ให้ป้าจัดการประสานงานนัดคุณหมอและจัดการเรื่องส่วนลดได้จ้า ***
วันนั้นสมหญิงยังไม่ทำเลเบีย เลยนะคะ เพราะคิวเยอะมาก ตอนนั้นประมานเที่ยง ๆ หรือบ่าย ๆ เนี่ยแหละ คุณหมอบอกว่าถ้าจะทำคงได้ทำประมาณห้าโมง สมหญิงไม่รออ่ะค่ะ กลัวคุณหมอเหนื่อย บวกกับหิวมากกกก ถ้าต้องรออีกคงไม่ไหวแน่ ๆ สรุปว่าวันนั้นอดน้ำอดอาหารเก้อค่ะ
คุณหมอนัดไปทำเลเบีย อีกทีหลังจากนั้นประมาน 2-3 วันค่ะ คุณหมอนัดเวลาตอน 11 โมงเช้า บอกว่างดน้ำงดอาหารเสร็จก็เข้ามาทำเรื่องเข้าห้องผ่าแล้วผ่าเลย ไม่ต้องเจอหมออีกแล้วค่ะ เจออีกทีวันผ่าโลด
สมหญิงก็โอเคค่ะ แอบถามคุณหมอด้วยความเจ็บมากมั้ย คุณหมอก็ทำหน้าคิดนิดนึงแล้วบอก “วันแรกน่ะหนักหน่อย”
*เหตุผลที่สมหญิงงดน้ำงดอาหารมาเลยเพราะทราบแล้วว่าหลังพบคุณหมอแล้วสามารถทำในวันนั้นได้เลยค่ะแต่ว่าให้งดน้ำงดอาหารไปอย่างน้อย 6 ชั่วโมง*
อ้อ…คุณหมอถามด้วยนะคะว่าใครแนะนำมาเหรอ สมหญิงก็บอกว่า search หาข้อมูลในเน็ตแล้วเจอเว็ปความสวยความงามส่งเมลล์ไปถามข้อมูล
เพราะไม่รู้ว่าถ้าบอกว่ารู้มาจากป้าวุ้นเส้นเนี่ยคุณหมอจะรู้มั้ย แต่ปรากฏว่าคุณหมอถามว่า “ป้าวุ้นเส้นรึเปล่า” สมหญิงก็แบบว่าโหวววววว O.o คุณหมอรู้ได้ไงอ้ะ ฮ่า ๆๆๆ ค่ะ
*** ป้าวุ้นเส้นขอเสริม คุณหมอกับป้าวุ้นเส้นคุ้นเคยกันและมีเคสทำกับคุณหมอเยอะค่ะ สวยเปรี้ยวเฉี่ยวมาก และถึงแม้คุณหมอไม่เข้าเวรตามปกติที่ยันฮี แต่ก็มาผ่าตัดให้เคสป้าวุ้นเส้นเป็นพิเศษได้ค่ะ บางเคสทำตัดกราม หรือทำนมพร้อมกับเลเบียเลย ก็สะดวกดีค่ะ ***
ขึ้นเขียง!
วันผ่าเลเบีย หลังจากยื่นใบนัดให้นางพยาบาล เซนต์เอกสารต่าง ๆ เรียบร้อยแล้ว พี่พยาบาลก็บอกให้ถอดคอนแทกเลนส์ออก สมหญิงก็นึกเสียใจว่ารู้งี้ใส่แว่นมาก็ดี เพราะสมหญิงสายตาสั้นมากกกกกมองอะไรไม่เห็นเลย หลังจากนั้นก็จัดแจงไปที่แผนกการเงิน จ่ายเงิน ฝากของมีค่าไว้ที่แผนกฝากของ (เพราะแม่สมหญิงแค่มาส่งที่โรงพยาบาลค่ะ นอกนั้นสมหญิงต้องจัดการอะไรเองหมดเลย)
ขอชมโรงพยาบาลค่ะว่าทำเป็นระบบดีมากกก มีถ่ายรูปของที่เราฝากไว้ด้วย ไม่กลัวหายเลย ^_^ ตอนไปรับยาพอสมหญิงแจ้งว่าสมหญิงมีโรคประจำตัว พี่ที่แผนกยาก็เปลี่ยนยาชุดใหม่ให้ถึงแม้ว่าจะต้องเสียเวลาหาข้อมูลโรคประจำตัวที่สมหญิงเป็น แต่พี่เค้าไม่มีการขี้เกียจเลยค่ะ โทรไปถามคุณหมอเรื่องโรคของเราเสร็จสรรพ พี่เค้าก็แนะนำว่าโรคของน้องนะต้องไม่กินยานี้ ๆๆ จดให้เสร็จสรรพเลยด้วย ขอบอกว่าถึงแม้ว่าจะรอนานหน่อยแต่ประทับใจค่ะ
หลังจากนั้น…ก็ถึงเวลาขึ้นเขียงค่ะ สมหญิงก็กลัวนะคะ เกิดมาไม่เคยเข้าห้องผ่าตัดมาก่อนเลย พี่ที่ห้องผ่าตัดก็ให้ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดผ่าตัดแล้วก็ให้ผ้าอนามัยมาค่ะ บอกให้เราแปะไว้กับกางเกงในแล้วใส่กระเป๋าชุดผ่าตัด เพราะหลังจากผ่าเสร็จแล้วเจ้าหน้าที่เค้าจะใส่กางเกงในให้เรา หลังจากเปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้วก็ขึ้นไปนอนบนเตียงแบบรถเข็นน่ะค่ะ พี่เค้าก็เตรียมเส้นเพื่อที่จะให้คุณหมอฉีดยานอนหลับให้เรา
(การผ่าเลเบียของที่โรงพยาบาลยันฮีคือให้ยานอนหลับแล้วตามด้วยยาชาเฉพาะที่ค่ะ) ของสมหญิงแอบซวยเตรียมเส้นครั้งแรกดันเส้นแตก ต้องย้ายมาเจาะอีกข้าง เจ็บตัวสองรอบเลย เวรกรรม
สมหญิงแอบถามพี่เจ้าหน้าที่นะคะ พี่ขา ฉีดยานอนหลับให้หนูตอนนี้เลยได้มั้ย ฮ่า ๆๆ พี่เค้าก็บอกว่าไม่ได้จ้า เพราะถ้าฉีดตอนนี้เลยเนี่ยเดี๋ยวจะตื่นเร็วมาก สมหญิงก็โอเคค่ะ ถามไปงั้นแหละ เผื่อฟลุ๊ค แฮ่ ๆๆ
หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ก็เข็นสมหญิงเข้าไปที่ห้องผ่าตัดค่ะ จัดแจงย้ายเตียง T_T นาทีนั้นนี่แบบว่า เอาแล้วโว้ยยยย ฝันกรูจะเป็นจริงแล้วววว
แต่พี่เจ้าหน้าที่ที่ห้องผ่าตัดเยอะมากเลย อายง่ะ พี่เค้าก็จับขาเราวางบนขาหยั่ง ซึ่งขาหยั่งอันนี้มันอ้ากว่าที่ห้องตรวจของคุณหมออีก แบบว่าโอ้ย ถ้าเพ่งดี ๆ จะมองทะลุจิ๊มิ๊ขึ้นมาเห็นขี้ฟันตรูมั้ยเนี่ยยยย ด้วยความกลัว ถ้าเงียบก็จะตื่นเต้นกว่าเดิมก็เลยถามพี่เค้าตามประสาคนพูดมากว่า พี่คะ เวลาคนคลอดลูกเค้าขึ้นขาหยั่งแบบนี้ป่าว พี่เค้าก็บอกใช่ค่ะ
แล้วก็มีพี่คนนึงมาจัดการเอาผ้าปิดหน้าปิดตาสมหญิง -_-;; แล้วอีกคนก็มาทำความสะอาดน้องจิ๊มิ๊ ขอตินะคะว่าเช็ดแรงไปหน่อย เหอ ๆ หลังจากนั้นคุณหมอก็เข้ามาในห้องค่ะ แล้วพี่เจ้าหน้าที่คนนึงก็มาฉีดยาให้สมหญิง หลังจากนั้นเกิดอะไรขึ้นสมหญิงก็ไม่รู้ตัวอีกเลย…
จนกระทั่ง…
หมอคะ หนูจะเก็บเงินทำ บลา ๆๆๆ บ้าง
หมอ เอาสิ บลา ๆๆๆๆ
จำไม่ได้ค่ะ ว่าบทสนทนาระหว่างคุณหมอกับพี่เจ้าหน้าที่มีอะไรบ้าง จับใจความได้ประมานเนี๊ยะแหละ ตอนนั้นยังเบลออยู่
ค่ะ สมหญิงดันฟื้นตื่นขึ้นมาก่อนคุณหมอจะผ่าตัดเลเบีย เสร็จ (แง้) รู้สึกถึงฝีเข็มที่รูดอยู่ตรงน้องจิ๊มิ๊ของเรา สมหญิงก็พยายามทำให้พี่เจ้าหน้าที่รู้ค่ะว่าสมหญิงฟื้นแล้น พี่เจ้าหน้าที่พอเห็นสมหญิงเค้าก็บอกว่าจะเสร็จแล้วนะคะ สมหญิงก็ได้แต่พยักหน้า หลับตารอ
มารู้สึกตัวอีกทีตอนย้ายเตียงประมานสองรอบ
รู้สึกตัวอีกทีตอนมีพี่พยาบาลมาปลุกให้เอาน้ำแข็งมาประคบจิ๊มิ๊
มารู้สึกตัวอีกทีตอนกางเกงในเปียก
เลยบอกพี่พยาบาลเค้าว่าสมหญิงจะเอาน้ำแข็งออกแล้วน้า ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ฟื้นจริง ๆ ค่ะ พี่พยาบาลก็บอกสมหญิงว่ามีคนมารับแล้วน้า รออยู่ด้านนอกจ้า สมหญิงก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นมาทานข้าวต้มกับน้ำหวาน (ที่ทางโรงพยาบาลจัดไว้ให้) จริง ๆ แล้วไม่ได้ลุกเองหรอกค่ะ ปรับเตียงเอา ลุกไม่ไหว
หลังจากนั้นสมหญิงก็ไปใส่คอนแทกเลนส์ค่ะ ตอนไปใส่คอนแทกเลนส์เนี่ยมีคนดูแลตลอดเลย อารมณ์ว่ายืนเฝ้า ^_^ อาจเพราะกลัวว่าเราจะเป็นลมเป็นแล้งไปซะก่อน
หลังจากนั้นก็มีพยาบาล(เดาว่าน่าจะเป็นผู้ช่วย เพราะไม่ได้ใส่เครื่องแบบพยาบาล แล้วยังดูเด็ก ๆ อยู่เลย) มาอธิบายการทานยาให้เรา ซึ่งมียาแก้ปวด ยาอะม็อกซี่ และยาพาราหรือไทลินอลเนี่ยแหละ จำไม่ได้ ซึ่งยาแก้ปวดเนี่ยต้องทานหลังทานอาหารทันทีค่ะ แต่ตอนนั้นสมหญิงดันดื่มน้ำหมดไปแล้ว ผู้ช่วยพยาบาลหันไปมองที่ถาดข้าวสมหญิงที่ทานเสร็จแล้วพอเห็นว่าเราดืื่มน้ำหมดแล้วก็เลยบอกว่ากลับไปทานที่บ้านแล้วกัน
หึหึหึ
สงสัยใช่มั้ยคะว่าสมหญิงจะหึหึหึทำบ้าอะไร เดี๋ยวไว้ค่อยเล่าต่อค่ะ
จะกลับบ้านแล้ว
หลังจากนั้นก็มีบุรุษพยาบาลเข็นรถเข็นมารับ ใจนึงก็ไม่อยากนั่งรถเข็นเลยค่ะเพราะเราไม่ได้เจ็บมากมาย แต่นั่งก็ได้ สบายดี //ฮ่าฮ่าฮ่า พี่บุรุษพยาบาลก็เข็นรถเข็นพาเราไปเอาของที่ฝากไว้ก่อนจะพาเราไปขึ้นแท็กซี่ค่ะ
ใครที่คิดจะขับรถ ขอบอกว่าอย่าได้คิดจะเอารถไปเลยนะคะ ลำบากตัวเองแท้ ๆ ค่ะ ขนาดนั่งแท็กซี่ สมหญิงยังว่าทรมาณเลย เริ่มเจ็บ ๆ แผลแล้วด้วย
*** ป้าวุ้นเส้นขอเสริม การทำการผ่าตัดเล็กที่ทำแล้วกลับบ้านเลย ไม่ควรขับรถเองค่ะ เพราะฤทธิ์ยาจะมีอาการข้างเคียง ต่าง ๆ เกิดขึ้นได้ เช่นหน้ามืด อาเจียน ควรใช้บริการแท็กซี่และที่ยันฮีจะมีบริการแท็กซี่ของยันฮีเอง บริการคนไข้ ที่ปลอดภัยค่ะ เพราะเวรแปลที่เข็นคนไข้มาส่งกลับบ้าน โดยแท๊กซี่ของยันฮีจะทำรายงาน หมายเลขทะเบียนและชื่อคนไข้อย่างเป็นระบบ แท๊กซี่คันที่ไปส่งคนไข้ต้องกลับมารายงานตัวที่ยันฮีทุกเคสหลังจากส่งแล้ว ดังนั้นสบายใจได้ค่ะ ว่าน้อง ๆ ผู้หญิงปลอดภัยแน่ ***
วันแรก…หนักไม่หน่อย!
แต่หนักมากกกกกกกกต่างหากค่ะ
หลังจากถึงบ้าน สมหญิงก็เดินไปเอาน้ำ…และทานยาแก้ปวดที่สมควรจะทานตั้งแต่เกือบ ๆ ชั่วโมงที่แล้ว
แต่ไม่ทันค่ะ…
ไอ้ที่ตอนแรกเราคิดว่ามันไม่เจ็บมากมายน่ะ เพราะยาชายังไม่หมดฤทธิ์ตะหาก
หลังจากนั้นเป็นไงน่ะเหรอคะ
เอาง่าย ๆ… ตั้งแต่เกิดมาสมหญิงไม่เคยร้องไห้หนักขนาดนั้นมาก่อนเลยในชีวิต
มันปวดตุ๊บ ๆๆๆๆ ปวดร้อน เจ็บมาก เจ็บที่สุดในสามโลกกกกกกกกกกกกกกกกกก TTOTT
แม่สมหญิงมานั่งเป็นเพื่อน ต้องมาคอยบีบมือ เพราะลูกสาวเจ็บจิ๋ม เลเบีย
มาก ร้องไห้เสียงดังโหยหวนน้ำตาไหลพราก ๆ เป็นเด็ก ๆ เลยอ่ะ ในใจตอนนั้นนี้คิดว่าโอ้ยยยยย ไม่น่าเลยกรูวววววว จิ๋มย้อยต่อไปก็ดีอยู่แล้วววววว เพราะเนื้อตรงนั้นมันเส้นประสาทเยอะไงคะ มันเลยเจ็บ
งานนี้ต้องขอบคุณแม่มากเลย ถ้าไม่ได้แม่คอยโอ๋วันนั้นเนี่ยไม่รู้จะเป็นไงจริง ๆ ก่อนหน้านั้นก็เคยแอบนึกด่าคนในเว็ปที่มาบอกว่าเจ็บมากในใจว่ามันสะตอป่าววะ เพราะหลายคนก็บอกว่าไม่เจ็บ ทำเลเบีย เลย คุ้ม แต่ตอนนั้นนี่แบบ โอ้ยยย เชื่อแล้ววว แง๊ ๆๆๆ อิคนที่บอกว่าไม่เจ็บนั่นแหละสะตอ (หรือบางคนอาจจะทำแล้วไม่เจ็บสมหญิงก็ไม่อาจทราบได้ แตสมหญิงทำแล้วเจ็บค่ะ)
แม่สมหญิงแบบว่ากังวลมากค่ะ บอกให้เราหายใจเข้าพุทธ หายใจออกโท กำหนดลมหายใจ (คนเข้าวัดบ่อย ๆ ก็เงี๊ยะแหละค่ะ) แต่มันไม่ช่วยอะไรเลยอ่ะ พยายามแล้วนะ แต่มันเจ็บจริง ๆ แม่ก็โทรไปถามทางโรงพยาบาลว่าเนี่ย ลูกสาวเจ็บแผลมากเลย ทำอะไรได้บ้าง ทางโรงพยาบาลบอกให้เอาน้ำแข็งประคบได้
แม่ลงทุนเดินไปเซเว่นซื้อน้ำแข็งมาประคบให้ แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากเท่าไหร่เล้ยยยย โทรไปอีกทีพยาบาลบอกถ้าไม่ไหวจะกลับมาที่โรงพยาบาลมั้ยคะ สมหญิงกลับไม่ไหวค่ะ นอนโหยหวนต่อไป
สรุปว่าวันนั้น…สมหญิงร้องโหยหวนอยู่ราว ๆ เกือบ ๆ สามชั่วโมงก่อนจะผล็อยหลับไปค่ะ
สมหญิงไม่รู้นะ ว่าถ้าตอนนั้นสมหญิงทานยาแก้ปวดหลังจากทานข้าวเลยสมหญิงจะปวดแผลเลเบีย น้อยกว่าที่ปวดมั้ย แต่ถ้าปวดน้อยกว่า…อยากบอกผู้ช่วยพยาบาลคนนั้น(ที่สมหญิงจำชื่อไม่ได้)มากกว่า…”ยาหลังอาหาร ช่วยให้คนไข้ทานหลังอาหารเลยเถอะค่ะ
โดยเฉพาะหลังผ่าตัดเลเบีย มาเนี่ย มันทรมาณจริง ๆ กะอิแค่น้ำ ก็ช่วยเดินไปหยิบให้เอาบุญหน่อยเถอะ ไม่ใช่เห็นว่าไม่มีน้ำแล้วก็บอกให้เรากลับไปทานยาที่บ้าน คุณทำแบบนี้นอกจากไม่ได้บุญแล้วยังได้บาปอีกนะคะ T_T”
วันนั้นเป็นวันเดียว ที่ปวดแผลหนักขนาดนั้นค่ะ ถอนหายใจแรง ๆ เลย
เฮ้อ! ค่อยยังชั่ว
*** ป้าวุ้นเส้นขอเสริม การทำเลเบียแบบทำแล้วกลับบ้านเลย จะเจ็บหน่อยค่ะ แต่ถ้าทำพร้อมกับการผ่าตัดใหญ่ แบบอื่นที่มีการวางยาสลบนี่จะเจ็บน้อยกว่า หรือแทบไม่เจ็บเลย เนื่องจากฤทธิ์ยา จากการวางยาสลบ จะช่วยลดความเจ็บหลังผ่าตัดได้มากกว่า
จากประสบการณ์ป้าวุ้นเส้น เวลามีการตัดกราม ทำนม หรือ ผ่าตัดดึงหน้า หรือผ่าตัดศัลยกรรมใหญ่ ๆ ถ้าคนไข้มีปัญหาเรื่องเลเบียหรือการทำรีแพร์ จะแนะนำให้ทำพร้อมกันเลย จะสะดวกต่อตัวคนไข้ในการดูแลแผลผ่าตัดโดยเจ้าหน้าที่ด้วย
แต่ตอนทำ ไม่ใช่ทำพร้อมกันแบบ หมออีกคนผ่าตัดกรามที่หน้า หมอสูญฯก็ผ่าข้างล่างไป นะค๊ะ
หมอจะวางแผนผ่าตัดและตกลงกันเองว่าใครจะทำก่อนหลัง เพราะถ้าทำพร้อมกัน ทีมผู้ช่วยแพทย์ คง งง แย่เลย อาจมีการส่งเครื่องมือผิด เอาที่จะตัดจิมิ๊ มาให้หมอผ่าตัดที่หน้าได้ เหอ เหอ แค่คิดก็ โอ้แม่เจ้าแล้ว หล่ะ
เรื่องเล่าในหนึ่งสัปดาห์
วันที่ 1 …เจ็บสุโค่ย เล่าให้ฟังไปแล้วในหัวข้อที่แล้ว เจ็บนี้ไม่มีลืมค่ะ
วันที่ 2 …แผลเลเบีย ไม่ค่อยเจ็บแล้วค่ะ งงเหมือนกัน แม่สมหญิงดีใจมาก แม่บอกว่าแม่ทรมาณมากเลยเห็นลูกเป็นแบบนั้น T^T แต่ต้องใส่ผ้าอนามัยไว้ค่ะเพราะมีเลือดออกจากแผลเยอะมาก
วันที่ 3 …เหมือนวันที่สองค่ะ คือเจ็บ ๆ นิดหน่อย แต่! สมหญิงลองส่องกระจกดูแผลแล้ว มันมีเนื้อดำ ๆ เหมือนก้อนเลือดห้อยติดแผลอยู่ บริเวณใกล้ ๆ คลิตอริส ซึ่งแคมเล็กบริเวณนั้นก็บวม ๆ ด้วย แต่เลือดไม่ไหลแล้วแหละ
สมหญิงเลยจััดการเอากรรไกรเล็มผมน้องจิ๊มิ๊ซะเพราะคิดว่าจะทำให้ทำความสะอาดได้ง่ายขึ้น
วันที่ 4 …ตอนเช้าไอ้เจ้าเนื้อก้อนนั้นอยู่ดี ๆ มันก็หลุดออกมาเอง แล้ววันนี้เนี่ย สมหญิงจำใจต้องออกจากบ้านค่ะ ต้องออกไปทำธุระสำคัญ ตอนแรก ๆ ก็เดินได้สบาย ๆ ชิลล์ ๆ ค่ะ ก่อนผ่าก็ถามคุณหมอแล้วว่ามีธุระวันนี้ ๆ นะ สมหญิงจะเดินได้มั้ย คุณหมอก็บอกว่า โอ้ย ออกได้แล้ว สบายมาก แต่พอออกสนามจริงเนี่ย…
เดาว่าสมหญิงอาจจะเดินเยอะเกินไปมั้งคะ ตอนกลับบ้านเนี่ย โอ้ย ไม่น่ากระแดะอยากเดินงานหนังสือต่อเลยกรูว์ ขนาดเดินไม่เยอะนะ อาจเพราะผมของน้องที่เราเพิ่งตัดมันทิ่มกับแผ่นอนามัยด้วยล่ะ กลับมาบ้านส่องกระจกดูแผลแล้วแผลบวมมากกกกกก ทั้งแคมใหญ่และแคมเล็กเลย
วันที่ 5-7 …นอนค่ะ นอนดูหนัง ดูการ์ตูนอย่างเดียว…ไม่ไหวจะเคลียร์ ระบมแผลมาก เจ็บแผลด้วย เหมือนแผลมันจะเริ่มแห้งแล้วก็เลยเจ็บแผลมากมาย ยาทาที่ได้มาบอกแค่ว่าให้ทาเช้าเย็น แต่บางครั้งมันไม่ไหวค่ะ
พอฉี่เสร็จ สมหญิงก็ทำความสะอาดแผลให้สะอาด เช็ดให้แห้ง สมหญิงก็คอยทาเลย เพราะแผลมันเริ่มจะแห้ง ๆ แล้วมันเจ็บอ่ะ ตัวยาที่ได้มาชื่อยา ChlorOph ซึ่งเป็นเหมือนสีผึ้ง ก็ทำให้คลายเจ็บได้บ้าง
พูดถึงนะคะ ตอนที่ทำมาครบอาทิตย์เนี่ยสมหญิงแบบว่าแอบงง คือสมหญิงเคยอ่านเจอในเว็ปไงคะแล้วมีบางคนบอกว่าของเค้าวันที่เจ็ดก็ซ้อนมอเตอร์ไซค์ได้แล้ว (หรือมันเป็นหน้าม้า จะหาเพื่อนร่วมประสบการณ์หฤโหดแล้วมาหลอกดาวววว T^T)
แต่สมหญิงนี่วันที่ 6-7 แค่นั่งยังเจ็บแผลเลยค่ะ ว่าจะออกไปทำธุระแต่เพราะเจ็บแผลมากเลยไม่ไปแล้ว
อ้อ…แล้วก็จริง ๆ แล้ววันที่ 7เนี่ย สมหญิงมีนัดกับคุณหมอค่ะ แต่ประจำเดือนมาพอดี เลยไม่ได้ไป โทรไปถามทางโรงพยาบาลแล้วทางโรงพยาบาลบอกว่าให้รอประจำเดือนหมดก่อนค่ะ จริง ๆ แล้วก็แอบดีใจนะคะเพราะยังไม่อยากเดินเลย แผลก็ยังเจ็บอยู่ แงแง
เกือบลืม แล้ววันที่ 7 เนี่ยก็เป็นวันที่สมหญิงสำเหนียกว่า หรือว่าที่ระบมแผล เป็นเพราะเราตัดผมน้องจิ๊มิ๊เราสั้นเกินไปวะ เนื้อตรงนั้นมันระบมอยู่แล้ว พอใส่กางเกงในนอกจากมันจะทิ่มกางเกงในแล้วมันก็ทิ่มจิ๊มิ๊เราด้วย แล้วจิ๊มิ๊เราเพิ่งโดนลงมีดมาเอง เจ็บง่ะ
รู้งี้ไม่น่าไปยุ่งกับผมน้องเค้าเลย ปล่อยไว้ยาว ๆ ก็ดีอยู่แล้วดันไปตัดทรงรองหวีให้ บ้าที่สุด T_T (ตอนผ่าตัดคุณหมอไม่ได้โกนผมให้น้องจิ๊มิ๊ค่ะ)
เรื่องคนรอบข้าง…สมหญิงไม่นัดใครไปไหนเลยค่ะ เพื่อนชวนไปเดินงานหนังสือก็ไม่ไป บอกเลยว่าไม่สบาย เพราะเป็นไข้นิดหน่อยจริง ๆ จะออกนอกบ้านไปซื้อข้าวกินยังไม่อยากไปเลยค่ะ ขอบคุณแม่จริง ๆ ที่คอยส่งน้ำส่งเสบียงให้ ขนาดว่าใกล้วัน haloween
เพื่อนชวนไปปาร์ตี้ที่ข้าวสารยังไม่อยากไปเลยค่ะ ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วเรื่องปาร์ตี้เนี่ยสมหญิงเป็นคนที่ถึงไหนถึงกัน ฮ่า ๆๆ แล้วใจสมหญิงนะอยากลองแต่งหน้าแบบแฟนตาซีสวย ๆ ดูบ้าง แต่ยอมแพ้จริง ๆ ค่ะ เจ็บ T_T กลัวออกไปแล้วมันบวมอีก
ส่วนเรื่องคุณพ่อ…แม่บอกว่าพ่อคอยถามตลอดเลยว่าสมหญิงเป็นอะไร ทำไมหมกตัวอยู่แต่ในห้อง ไม่สบายเป็นอะไร พาลูกไปทำอะไรมา 555+ แม่บอกว่าพ่อถามมากจนรำคาญ เลยบอกพ่อไปว่า สมหญิงไปผ่าไฝมาค่ะ =_=;;
ส่วนเรื่องคุณแฟน…สมหญิงไม่มีแฟนค่ะแต่มีหนุ่มที่คุยกันอยู่ ซึ่งฮีอยู่ต่างประเทศ ซึ่งสมหญิงก็บอกเค้าเหมือนที่บอกคนอื่นแหละว่าไม่สบาย แอบตลกครั้งนึง คือสมหญิงกับเค้าจะเล่น skype เปิดกล้องคุยกันไงคะ เค้าเห็นสมหญิงลุกขึ้นนั่งเค้าก็ถามว่า “are you okay?” สมหญิงก็แบบ โอเคสิ ทำไมเหรอ
เค้าก็บอกว่า “I dont know. Just when you tried to sit your face looked like somethings really hurt” สมหญิงนี่ขำเลยค่ะ ใจก็แบบว่าเจ็บสิวะ เพิ่งผ่าจิ๋มมานะโว้ย แต่ไม่ได้ว่าอะไรค่ะ โกหกไปว่าป่าว เมื่อวานนี้เดินเตะประตูมาแล้วมันเจ็บเท้าเจ๋ย ๆ เล่าให้แม่ฟังแม่ยังขำเลย
อีกเรื่องค่ะ สำคัญมากกกก! ใครอย่าได้ทะเลาะกับแฟนตอนเจ็บแผลเลเบีย
เชียวนะ อย่างสมหญิงกับหนุ่มคนนี้ คือเราก็จะเป็นเมนส์อยู่แล้วก็จะหงุดหงิด แถมยังเพิ่งผ่าตัดมา เจ็บแผล เป็นไข้ด้วย แต่ฮีก็มาง๊องแง๊งใส่ (จะว่าเค้าก็ไม่ได้เพราะเค้าไม่รู้ว่าเราเพิ่งผ่าตัด เลเบีย มา) สมหญิงรำคาญก็เลยลุกพรวดจากเตียงเดินปึงปังออกจากห้องไป หารู้ไม่ว่า…
เป็นการทำร้ายตัวเองแท้ ๆ ค่ะ เจือกลุกไวไป หนึ่งนาทีต่อมาพอเริ่มสงบสติอารมณ์ได้ก็เลยสำเหนียกได้ว่า โอ๊ยยยยย เจ็บแผลโว้ยยยยยยยยยยยย!!!
ความผิดเราเองล่ะที่ดันลุกพรวด ลืมตัว เลือดออกซิบ ๆ เลยอ่ะ สมหญิงร้องไห้เลย แบบว่าแผลอุตส่าห์บวมน้อยลงแล้วถ้าพรุ่งนี้มันบวมหนักกว่าเดิมอีกตรูจะทำไงเนี่ย ตอนนั้นนะเกลียดไอ้บ้านี่ไปเลย อารมณ์ว่าเพราะแกแหละฉันเลยเจ็บแผล อารมณ์นั้นแบบว่าไม่เอาแล้ว ไม่เอาแน่ ๆ ผู้ชายคนนี้ มาทำให้เราเกลียดตัวเอง
พอกันที ถ้าจะคบกับใครเราก็อยากคบกับคนที่ทำให้เรารักตัวเองไม่ใช่เกลียดตัวเองแบบนี้ (ทั้ง ๆ ที่จริง ๆ แล้วแค่เพราะลุกไวไปเลยเจ็บแผลนั่นแหละ เป็นตุเป็นตะเชียวสมหญิงเอ้ย เงี๊ยะแหละ อารมณ์อาร์ตตัวแม่่ก่อนเมนส์จะมา ดราม่าชะมัด -_-;;)
สรุปว่า…สัปดาห์แรกของการทำเลเบียของสมหญิงก็ผ่านไปด้วยดี(?)มั้งคะ ตอนนี้สมหญิงหวังแค่ว่ามันจะหายเจ็บสักที T_T เพราะอาทิตย์หน้าจะเปิดเทอมแล้วค่ะ ต้องไปมหาวิทยาลัย ส่วนเรื่องของความสวยงามหลังทำ สมหญิงยังบอกอะไรไม่ได้ค่ะ เพราะจากที่หาข้อมูลมาแผลจะหายดีจริง ๆ คือหลังผ่านไปแล้ว 4 สัปดาห์
และกว่ารอยยงรอยเย็บเลเบีย จะเข้าที่เข้าทางเรียบร้อยก็จะใช้เวลาหลังจากนั้นประมาน 3-4 สัปดาห์หลังจากนั้นค่ะ ^_^ แต่่เนื้อที่เคยยื่นออกมานอกแคมนอก ตอนนี้ไม่มีแล้วค่ะ เย้ ๆๆๆ
เอาไว้หลังแผลเลเบีย หายแล้วสมหญิงจะมาสรุปให้ฟังอีกทีนะคะว่าทำมาแล้วเป็นไงบ้าง ชอบมั้ย ถูกใจหรือเปล่า นะคะ เร็ว ๆ นี้ล่ะค่ะไม่นานเกินรอ ส่วนตอนนี้สมหญิงขอลาไปล้างแผลทำความสะอาดน้องจิ๊มิ๊ก่อนนะคะ อ๊างงง~ โอ๊ววว~ ซี๊ดดดด~ แอร๊ยยยส์~ 555+
อย่าลืมเป็นกำลังใจช่วยอวยพรให้แผลสมหญิงหายไว ๆ นะก๊ะทุกโคนนนนน ^O^
ขอบคุณข้อมูลรีวิวจาก : คนไข้ที่ผ่านการผ่าตัดตกแต่งเลเบีย
ภาพประกอบ : กูเกิ้ลเสริท