หลุมสิว รักษาได้อย่างไร
ปรึกษามาดามวุ้นเส้น
ติดต่อ line : @pavoonsen (มี@นะคะ)
Tel: 0900420999
เวลาทำการ 11.00-20.00 น
การรักษาหลุมสิว
สิวอักเสบอาจทิ้งรอยหลุมไว้ให้ดูต่างหน้า ควรรีบรักษาสิวตั้งแต่เริ่มเป็น หรือหากเกิดรอยหลุมสิวแล้วก็ยังมีวิธีรักษารอยหลุมสิวให้เรียบเนียนขึ้น” เมื่อพูดถึงสิว บางคนอาจคิดว่า เป็นเรื่องธรรมด๊า ธรรมดา ไม่เห็นน่าพูดถึงเลย แต่มันคงไม่ธรรมดาเป็นแน่ถ้าสิวที่เป็นทิ้งรอยหลุมไว้ให้ดูต่างหน้า จากผิวที่เคยเรียบเนียนเกลี้ยงเกลากลายเป็นผิวพระจันทร์ที่มนุษอวกาศไปเหยียบมาแล้ว แค่นึก สาวๆ คงรู้สึกผวา หรือหนุ่มสาวที่เป็นสิวอยู่ก็คงอดส่องกระจกดูหน้าตัวเองไม่ได้แล้วคงคิดกังวลว่า หน้าตัวเองจะเป็นอย่างผิวพระจันทร์มั้ย อย่าเพิ่งทุกข์ใจเพราะปัจจุบันมีเทคโนโลยีปราบหลุมสิวให้ตื้นเขินและฟื้นฟูผิวเสียจากสิวให้เรียบเนียนขึ้น
สิว สิว สิว โดยทั่วไปมีการแบ่งสิวออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ๆ คือ
1.สิวอักเสบ คือสิวที่มีลักษณะแดง บวม เช่น สิวหัวช้างซึ่งเป็นสิวอักเสบที่มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ
2.สิวอุดตัน คือสิวที่มีหัวดำ เป็นสิวหัวเปิด สามารถใช้วิธีกดออกได้ รวมทั้งสิวหัวขาวหรือสิวข้าวสารก็ใช้วิธีกดได้เช่นกัน แต่อาจต้องใช้เข็มเจาะ ควรทำในสถานพยาบาลที่มีเจ้าหน้าที่ที่ผ่านการฝึกฝนมาแล้ว
วิธีดูแลสิวไม่ให้เป็นหลุม เมื่อเป็นสิวต้องรีบรักษา อย่างเช่น กรณีที่มีสิวหัวดำหรือหัวขาวซึ่งเป็นสิวอุดตันหรือสิวอักเสบขนาดเล็ก ถ้าดูแลรักษาผิดวิธี หรือเอามือซุกซนไปจับบีบแกะหรือเค้นรุนแรง ก็จะเกิดแผลเป็นได้ง่าย หรือการกดผิดวิธีก็ทำให้เกิดแผลเป็นได้ง่ายเช่นเดียวกัน หรือกรณีมีสิวอักเสบขนาดใหญ่โดยที่เราไม่ได้กดหรือบีบมันก็ตาม แม้รักษาแล้วก็ยังเกิดหลุมสิวได้ ฉะนั้นเมื่อเป็นสิวจึงต้องรีบรักษาตั้งแต่เริ่มเป็น คือควรรักษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านผิวหนังเฉพาะทางเพราะมีความรู้เกี่ยวกับสิว หรือถ้าเป็นสิวอักเสบก็มียากินเพื่อรักษาอาการอักเสบ หรือในกรณีที่เป็นหัวสิวขนาดค่อนข้างใหญ่ ถ้ารับประทานยาไม่ทันก็อาจใช้วิธีฉีดยาต้านการอักเสบได้
การรักษารอยหลุมสิว ตั้งอดีตจนถึงปัจจุบันมีวิวัฒนาการการรักษารอยหลุมสิวด้วยวิธีที่หลากหลาย เช่น
1.Chemical Peeling เป็นที่นิยมในสมัยก่อนโดยการใช้น้ำยาที่เป็นกรดเข้มข้น เช่น Glycolic acid 30-50% เพื่อช่วยให้เซลล์ผิวชั้นนอกบริเวณรอยหลุมหลุดลอกออกไปอย่างช้าๆ ซึ่งจะช่วยให้เกิดเซลล์ผิวใหม่ที่แบ่งตัวดันขึ้นมา แต่ต้องทำหลายครั้งซึ่งแต่ละครั้งจะมีความเสี่ยงเรื่องโอกาสเกิดรอยดำค่อนข้างสูงเพราะเป็นการใช้น้ำยาแต้มลงไปที่รอยหลุมสิว
2.Microdermabrasion การกรอผิวด้วยผงคริสตอลซึ่งทำด้วยผลึกอลูมิเนียมออกไซด์ที่มีขนาดเล็กเท่าทรายละเอียด เป็นการกรอเพื่อผลัดผิวหนังกำพร้าด้านบนให้ผลัดผิวทิ้งไป และในขณะเดียวกันก็จะมีกลไกไปกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจน แต่ต้องทำซ้ำหลายครั้ง ประมาณ 8-10 ครั้ง ไม่มีรอยและไม่มีแผลเป็นให้เห็น ต้องทำซ้ำทุกๆ 7-14 วัน ความเสี่ยงก็คือ ถ้ากรอลึกเกินไปอาจเกิดรอยถลอกและรอยแดง จากนั้นจะพัฒนาเป็นรอยดำ
3.Laserbrasion สมัยก่อนใช้วิธีนี้ในการปราบหลุมสิวซึ่งเป็นวิธีกรอผิวหนังด้านบนที่เป็นผิวหนังกำพร้าออกไป หนังกำพร้าจะหลุดลอกเป็นแผลถลอกแดง มีน้ำเหลืองออก ต้องดูแลรักษาแผลซึ่งต้องใช้เวลาประมาณ 7 วันกว่าแผลจะหาย การดูแลค่อนข้างยุ่งยาก ในคนไทยเมื่อแผลหายแล้วจะดำง่าย อาจเกิดรอยดำเป็นปื้น บางคนเกิดรอยดำเหมือนฝ้า คือเป็นรอยดำหลังทำเลเซอร์ซึ่งไม่ใช่ฝ้า รอยดำที่ว่านี้ค่อนข้างรักษายาก อาจรักษาง่ายกว่าฝ้า แต่ต้องใช้เวลานาน บางคนอาจต้องใช้เวลา 4-6 เดือน
4.Nonablative Laser Rejuvenation คือการใช้แสงเลเซอร์ยิงลงไปโดยมีกลไกที่ปกป้องผิวหนังกำพร้าด้านบน ให้แสงลงไปที่หนังแท้เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนขึ้นโดยกลไกที่ปกป้องด้านบน ต้องทำซ้ำหลายครั้ง ประมาณ 3-5 ครั้ง และอาจทำร่วมกับวิธี subcision โดยการใช้เข็มสอดเข้าไปตัดพังผืดข้างใต้เพื่อให้มี free space จะทำให้เกิดการสร้างคอลลาเจนได้ง่ายขึ้น อาจมีรอยช้ำและมีความเจ็บปวดระหว่างที่ทำ จึงมีพัฒนาการมาเป็นกลุ่มสุดท้ายคือ
5.Fractional Laser เช่น Q-Ray ลักษณะการทำงานคือ เครื่องจะปล่อยลำแสงเล็กๆ ออกมาเป็น CO2 Laser โดยลำแสงจะลงไปตรงผิวหนังซึ่งเป็นจุดเล็กๆ ไม่ก่อให้เกิดรอยแผลถลอกหรือแผลเป็น มีผิวหนังบางส่วนเท่านั้นที่ได้รับแสง จะมีอาการบวม แดงและแสบบ้างเล็กน้อย อาการดังกล่าวเกิดขึ้นประมาณ 2-3 วัน จากนั้นจะตกเป็นสะเก็ดดำๆ แต่ไม่ต้องดูแลแผลให้ยุ่งยาก สมมุติว่าทำตอนเช้า ตกเย็นก็สามารถล้างหน้าได้ตามปกติ รุ่งขึ้นก็ทาครีมบำรุงผิวและทาครีมกันแดดได้ ไม่ต้องดูแลแบบแผลถลอกเหมือนสมัยก่อนที่เป็น laserbrasion แต่ในขณะเดียวกันก็ได้ประโยชน์ในแง่ของการผลัดผิวด้านบนและมีกลไกไปกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนได้ด้วย การสมานแผลเร็ว คือประมาณหนึ่งอาทิตย์สะเก็ดดำๆ จะหลุดออกหมด
ระยะเวลาในการรักษาด้วย Q-Ray Laser 3-5 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกัน 1 เดือน ขั้นแรกต้องทายาชาก่อนและทิ้งไว้ประมาณ 45 นาที ระหว่างทำจะเป่าลมเย็นไปด้วยซึ่งจะช่วยลดความเจ็บและลดอาการแสบของผิวหนัง ผิวอาจไม่เรียบสนิทถึงร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่ช่วยให้ผิวเรียบเนียนขึ้นเพราะมีการผลัดผิวหนังกำพร้าด้านบนออกไป ตัวแผลเป็นจะเรียบและตื้นขึ้น
ข้อดี สามารถรักษาแผลสุกใสได้ ใช้ยาทาเฉพาะที่ ไม่จำเป็นต้องวางยาสลบหรือฉีดยาชา มีอาการแสบแดงในระยะเวลาสั้นๆ แผลดูแลง่าย ไม่ยุ่งยาก
ข้อเสีย ช่วงที่มีอาการบวมแดงและแสบ ประมาณ 1-3 วัน อาจรู้สึกว่าแสบใบหน้า และมีตกสะเก็ดประมาณ 1 วัน
ผลข้างเคียง อาจเกิดรอยดำได้บ้าง แต่ก็น้อยมากที่จะเกิดรอยดำ ข้อแนะนำคือ ระหว่างที่ผิวแดงและมีสะเก็ด ควรทาครีมกันแดดสม่ำเสมอ (SPF30 ขึ้นไป)
ผลพลอยได้จาก Q-Ray Laser ช่วยกระชับรูขุมขนและลดริ้วรอยตื้นๆ ซึ่งอาจทำในลักษณะ Rejuvenation ทั้งใบหน้าก่อนในสองพาร์ท แรก แล้วจึงเน้นเฉพาะรอยหลุมสิว
ข้อควรรู้ การกินยาคุมกำเนิดอาจช่วยลดสิวได้ แต่ว่าส่วนใหญ่จะต้องใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน การกินยาคุมกำเนิดอาจมีผลข้างเคียงในเรื่องอื่นๆ ตามมา เช่น การเกิดฝ้า
pavoonsen.com ขอขอบคุณข้อมูลจากโรงพยาบาลยันฮี หากต้องการรักษาที่ โรงพยาบาลยันฮี กรุณาติดต่อได้ที่ ป้าวุ้นเส้นค่ะ